-
- กกก
- ระบบสมาชิก
ไวรัสตับอักเสบซี (Hepatitis C)
ไวรัสตับอักเสบซี มีการติดต่อของโรคคล้ายกับไวรัสตับอักเสบบี โดยผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซีส่วนใหญ่จะไม่มีอาการผิดปกติ กว่าจะทราบว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ตับมักเริ่มเสื่อมมากแล้ว
ระยะฟักตัวของไวรัสตับอักเสบซี
ระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสตับอักเสบซีนั้นอยู่ที่ระหว่าง 2 สัปดาห์ถึง 6 เดือน
การติดต่อของไวรัสตับอักเสบซี
สัมผัสเลือด สารคัดหลั่งของร่างกาย ได้แก่ เลือด น้ำเหลือง น้ำเหลืองจากเลือด เหงื่อ ไขมันจากต่อมเหงื่อ หนอง น้ำไขสันหลัง น้ำตา น้ำในช่องต่างๆ ของดวงตา ขี้หู น้ำมูก ขี้มูก น้ำลาย เสมหะ เสลดน้ำนม อาเจียน น้ำดี น้ำจากช่องคลอด น้ำอสุจิ นอกจากนี้ ยังมีน้ำต่างๆ ในโพรงของอวัยวะต่างๆ เช่น น้ำในช่องท้อง และน้ำในช่องปอดและปัสสาวะ
ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เช่น ผู้เสพสารเสพติด
ได้รับเลือดที่มีผู้บริจาคก่อน พ.ศ. 2535 เพราะการตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบซีในช่วงนั้นยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในเลือด ทุกถุงก่อนจะนำมาให้กับผู้ป่วย
ทารกได้รับเชื้อจากมารดาขณะคลอด
เพศสัมพันธ์
การใช้สิ่งของในชีวิตประจำวันที่อาจมีการสัมผัสเลือดร่วมกัน เช่น อุปกรณ์โกนหนวด แปรงสีฟัน กรรไกรตัดเล็บ
อาการเมื่อได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
มีไข้หรืออุณหภูมิในร่างกายสูงถึง 38 องศาเซลเซียส หรือมากกว่ารู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สบาย
ไม่อยากอาหาร หรือเบื่ออาหาร
ปวดช่องท้อง
ผู้ป่วยในบางรายอาจมีอาการตัวเหลืองและตาเหลือง
การวินิจฉัยไวรัสตับอักเสบซี
การซักประวัติตรวจ และการตรวจร่างกาย
การเจาะเลือดตรวจการทำงานของตับ
การตรวจเลือดหาแอนติบอดีต่อไวรัสตับอักเสบซี (Anti-HCV)
ตรวจหาสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสซี (HCV-RNA) โดยวิธี PCR และการตรวจชนิดสายพันธุ์ของไวรัส (HVC -genotype)
อัลตราซาวด์ตับเพื่อประเมินดูระยะของโรคว่าดำเนินไปสู่การเป็นตับเเข็งหรือมะเร็งตับหรือไม่
การเจาะตับเพื่อเก็บชิ้นเนื้อส่งตรวจยืนยันการวินิจฉัยโรค
การรักษาไวรัสตับอักเสบซี
การรักษาไวรัสตับอักเสบ ซี อาจทำให้หายขาดได้ด้วยยา ทั้งการฉีดยาร่วมกับยารับประทาน โดยแพทย์จะพิจารณาตามข้อบ่งชี้ พยาธิสภาพที่ตับ และลักษณะของผู้ป่วย ก่อนให้การรักษาพยาบาลต่อไป
หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเพียงระยะเริ่มแรกหรือระยะเฉียบพลัน การรักษาอาจไม่จำเป็นต้องเริ่มในทันที เพราะร่างกายอาจกำจัดเชื้อไวรัสไปได้เอง ซึ่งจะมีการตรวจเลือดเพื่อตรวจสอบความเป็นไปของโรค แต่หากโรคดำเนินไปเป็นระยะเวลานานหลายเดือน หรือที่เรียกว่าไวรัสตับอักเสบซีระยะเรื้อรัง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำการรักษา ซึ่งจะได้ผลแตกต่างกันออกไป โดยจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ และลักษณะทางพันธุกรรมของผู้ป่วย
ตับวายเฉียบพลัน
ภาวะที่เกี่ยวกับเลือด เช่น ภาวะโลหิตจาง และการติดเชื้อในกระแสเลือด เป็นต้น
การป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
ห้ามใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
ระมัดระวังในการเจาะหูหรือสักตามร่างกาย ต้องเลือกร้านที่ไว้ใจได้เรื่องความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์อย่างถูกหลักอนามัย โดยเฉพาะเข็มที่ใช้ต้องผ่านการฆ่าเชื้อแล้วเท่านั้น
ป้องกันทุกครั้งที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่ไม่รู้และไม่แน่ใจเกี่ยวกับสุขภาพของเขา โดยเฉพาะผู้ที่มีคู่นอน
ไวรัสตับอักเสบซียังไม่มีวัคซีนป้องกัน จึงควรปฏิบัติตามวิธีการป้องกันตัวเองในขั้นต้นอย่างเคร่งครัด
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลกรุงเทพจันทบุรี 039-319888